
our
secret love
Chapter 09
มือที่แผ่บานก็กุมรับความรู้สึกของอีกฝ่าย สาวสายหมอกยังคงไม่กล้าที่จะลืมตาเพราะตอนนี้ใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ ถึงจะยังกลัวที่จะต้องมองคนตรงหน้า แต่เธาก็ไม่ปฏิเสธการกระทำเลยสักนิด ชายที่ได้รับรู้ถึงการตอบกลับถึงอีกฝ่ายจะไม่พูดก็เริ่มที่จะจริงจังขึ้นมา เมฆาเริ่มที่จะสอดลิ้นเข้าไปในโพลงปากเล็กเพื่อไปสัมผัสอีกฝ่าย แม้ว่าร่างบางจะไม่คัดค้านก็จริง แต่ก็คงไม่พ้นกับอาการดิ้นรนเล็กน้อยเพราะมันนานมากแล้วที่เธอเคยได้รู้สึกแบบนี้
เสียงครางเล็กๆก็คงไม่ทำให้คนตรงหน้าหยุด มือที่แต่เดิมกุมมือบางๆไว้ก็เข้ามาประคองใบหน้าที่ยังดูอ่อนวัยราวกับว่าเธอตรงหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ความรู้สึกที่โหยหวนนั้นได้กลับมาอีกครั้ง คงเป็นเพราะไม่มีใครต่างพูดออกมาจากใจจริง ทำให้สายหมอกถึงต้องน้ำตาเล็ดออกมา เธอรู้ดีว่าทำให้ชายที่เธอรักต้องมารอจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก และเขาก็คงจะทรมานเช่นกัน ฮิบาริที่ได้สัมผัสถึงนำ้ตาจึงถอนริมฝีปากออก
แววตาสีม่วงครามที่เคลือบด้วยน้ำตาก็ลืมตาขึ้น แสงในห้องนอนเข้าไปกระทบกับน้ำตาทำให้ดวงตาของเธอดูเป็นประกายขึ้นมาทันที คิ้วสวยเริ่มที่จะขยับใกล้กันก่อนที่น้ำตาจะเริ่มไหลออกมา
“ขะ..ขอโทษ...”
“ที่ผ่านมาตลอด 10 ปี ขอโทษนะ...”
“ที่ผ่านมาถึงทุกวันนี้....ฉันนะ..ฉันยังไม่ได้บอกคุณเลยว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน... ขอโทษนะ...ฮึ่ก”
“ฉันยังไม่อยากกลับไป...ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกอะไรคุณเลย...เพราะฉะนั้น...”
โคลมที่เริ่มจะพูดไม่รู้เรื่องเพราะเธอเองก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งรีบเอาแขนทั้งสองข้างมาบังใบหน้าที่แดงก่ำ แต่แล้วแขนพวกนั้นก็ต้องโดนเอาออกโดยชายที่ยังคร่อมอยู่ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนราวกับว่ากำลังรอคำพวกนั้นมาจากสายหมอกอยู่ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่สาวน้อยผู้อ่อนต่อโลกอย่างโคลมได้เปิดใจให้คนตรงหน้าได้รับรู้ความรู้สึก
“งั้นมาทำกันเถอะ”
ฮิบาริเข้าไปประทับริมฝีปากที่เปียกชุ่มอีกครั้ง คราวนี้มือขาวซีดก็ได้เข้าไปคล้องคอคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยตัวให้สบายและให้คนตรงหน้าเป็นคนนำแทน น้ำตาหยดสุดท้ายได้ไหลออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะได้เริ่มเอาจริงเอาจัง ระหว่างที่ทั้งสองยังคงบรรเลงรสจูบกันอยู่ มือหนาก็ได้เข้าไปดึงชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวสีขาวออกมาและเริ่มเข้าไปซุกตรงคออุ่นๆพร้อมกับสร้างรอยแดงที่เด่นชัด เมื่อร่างบางได้รับความรู้สึกที่เจ็บแปลบๆก็ต้องเผลอกำเสื้อเชิ้ดแน่นและทำได้แต่เปล่งเสียงอันน้อยนิดในลำคอ
มือหนาเริ่มที่จะลูบไล้บนแผ่นหลังของคนตัวเล็กไปมา ให้คนที่นอนอยู่ได้เข้าถึงอารมณ์ได้เร็วขึ้น โคลมได้แต่นอนกัดฟันเมื่อใบหน้าของเมฆาเริ่มเคลื่อนที่ไปมาจนในที่สุดก็ลงมาตรงยอดอกของนาง ดวงตาเบิกกว้างทันทีเมื่อได้รับรู้ถึงอาการเม้มเบาๆ เธอพยายามที่จะเอามือมาปิดปากตัวเองแต่ก็โดนมันล็อกด้วยมือที่ใหญ่กว่าจนเธอต้องครางออกมา การหายใจเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อร่างสูงเริ่มทำอะไรแปลกๆ ซึ่งเขาเองก็สังเกตได้จึงยิ้มออกมา
“อะไรกัน...คุณไม่ต้องฝืนตัวก็ได้”
ฮิบาริพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ มือหนาเริ่มที่เข้าไปประคองใบหน้าที่ตอนนี้หันหนีไม่ยอมสบตาด้วย ใบหน้าที่ยังดูแดงก่ำยิ่งทำให้เมฆารู้สึกสนุก มืออีกข้างเริ่มที่จะลากลงไปตามต้นขาเรียวจนไปถึงจุดที่สายหมอกต้องหลับตาปี๋ทันที ฮิบาริหัวเราะในลำคอออกมาก่อนที่จะเข้าไปประกบปากพร้อมกับเริ่มสอดนิ้วเข้าไปทีละสองนิ้ว โคลมที่ทำใจได้สักพักแต่พอเอาเข้าจริงก็ถึงกับต้องการตกใจบ้างเลยเม้มริมฝีปากอีกฝ่ายพร้อมกับเสียงครางที่ดังออกมาจากคอ ชายร่างสูงเริ่มที่สอดนิ้วเข้าเรื่อยๆและรับรู้ได้ถึงอาการรัดแน่นเป็นอย่างดี
“นี่คุณ”
โคลมที่จู่ๆก็โดนทักลืมตาขึ้นมาก่อนหันไปสบตาอีกฝ่ายอย่างเขินอาย
“เรียกชื่อผมทีสิ”
“ฮะ....”
“เรียกชื่อผม”
“ฉัน..ทำไม่ได้....ฉันไม่เคยเรียกชื่อคุณเลย...”
“เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงขอ”
ร่างบางหันไปมองชายตรงหน้าอีกครั้งแต่ก็ต้องมาเห็นแววตาที่ดูจริงจังและอ้อนวอน เธอกระวนกระวายนิดหน่อยก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่น
“คะ...เคียวยะ....”
โคลมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูขัดๆออกมา แต่สุดท้ายเธอก็ยอมพูดมัน ทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกเอนดูขึ้นมาอีก คราวนี้ชายร่างสูงได้อุ้มคนที่นอนอยู่ให้ใช้เข่ายันตัวเองขึ้นแล้วเอามือเล็กๆทั้งสองข้างมาจับที่บ่าของตน ตอนนี้ใบหน้าเรียวคมเป็นฝ่ายเงยขึ้นไปมองคนที่อยู่เหนือกว่าหน่อยนึง
“จูบผมที”
สายหมอกที่ได้ยินอย่างนั้นจึงเป็นฝ่ายเข้าไปหาตามคำขอ มือขาวซีดเริ่มที่จะบีบบ่าอีกฝ่ายเมื่อเธอเริ่มทนไม่ไหวกับการรุกรานของคนตรงหน้า เม็ดเหงื่อเริ่มไหลลงมาช้าๆราวกับว่าในห้องเป็นหน้าร้อนทันที ฮิบาริเริ่มรัดตัวของคนตัวเล็กให้แนบชิดเข้ากับร่างกายของตน ทำเอาคนที่พยุงตัวอยู่ต้องขาอ่อนทันที
“จะเริ่มละนะ”
เมฆาพลั่กร่างเล็กให้ลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งก่อนจะยกต้นขาเล็กๆทั้งสองขึ้น เปิดให้เห็นรูที่กำลังกระหายความต้องการอยู่ นิ้วเรียวยาวเข้าไปแตะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเริ่มจะเอาตัวตนของเขาสอดเข้าไปแทน ร่างกายเล็กเกร็งไปหมดทั้งตัวจนมือเริ่มกำผ้าปูเตียงแน่น เสียงครางเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อท่อนเข็งกำลังเข้าไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลจากความเจ็บปวดอีกครั้ง
“ทนอีกหน่อย”
มือหนาเข้าไปกุมมือที่เปียกชื้นก่อนจะให้คนที่กำลังทนรับความเจ็บปวดบีบมือของเขาแทน สีหน้าตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อความเจ็บปวดที่เธอทนมาได้หายไป มือหนาเข้าไปปาดเหงื่อบนหน้าเล็กๆ แต่รู้ๆกันอยู่ว่าคนอย่าง ฮิบาริ เคียวยะ คงไม่หยุดแค่ตรงนี้ เตียงที่แต่ก่อนยังนิ่งก็กลับมาสั่นสะเทือนอีกครั้ง เสียงครางของโคลมก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ จนในที่สุดน้ำขุ่นๆก็ได้ไหล่ออกมาตามร่องขาแล้วซึมลงไปบนผ้าปูที่นอนสีขาว
ใบหน้าซีดขึ้นสีทันทีเมื่อรับรู้ถึงของเหลวเข้ามาในร่างกายของเธอ ในหัวกลับโล่งโจ่งเพราะไม่คิดว่ามันจะมาถึงขนาดนี้ สายหมอกเริ่มหายใจแรงขึ้นและนอนกัดฟันเมื่อได้รู้สึกแรงบีบบนยอดอก เม็ดทับทิมเริ่มแข็งตัวเป็นรูปเป็นร่าง เมฆากลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้เห็นเม็ดชมพูที่ส่องประกายเข้าอย่างจังก่อนจะลงเข้าไปเม้มมันต่อ ทำให้ได้รู้ว่าทุกครั้งที่ลิ้นของเขาได้สัมผัสกับเม็ดชมพู ร่างที่นอนอยู่ก็จะสะดุ้งทันที ในใจเขารู้สึกดีที่ได้แกล้งคนตรงหน้า
“ฉัน...ไม่ไหวแล้วคุณเมฆา”
แววตาของร่างบางเริ่มที่จะเรือนรางแต่ก็แอบทนกับการกระทำของคนตรงหน้า ใบหน้าเริ่มคลอเคลียกับมือที่เข้ามาประคองเอาไว้ ราวกับว่ากำลังอ้อนเหมือนลูกแมว ใบหน้าที่เย็นชายังคงแอบแฝงไปด้วยความอ่อนโยน เมฆาจึงยอมทำตามคำขอ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวยังอยากสนุกต่อก็ตาม เขาค่อยๆวางร่างบางให้นอนดีๆ ดึงผ้าห่มที่ตกอยู่บนพื้นมาห่มร่างเปลือยเปล่า ร่างสูงนั่งติดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองก่อนที่จะเข้าไปนอนกอดร่างเล็กที่ตอนนี้กึ่งหลับกึ่งตื่น เมื่อโคลมได้รู้สึกถึงความอบอุ่นจึงได้หลับไปในที่สุด
ร่างบางลืมตาอีกครั้งเมื่อเธอได้นอนเต็มอิ่ม แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำตัวเหมือนทุกครั้งก็ต้องชะงักไปครู่เมื่อได้เห็นมือของใครบางคนกำลังนอนกอดเธออยู่ สายหมอกเริ่มขมวดคิ้วทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ นางจึงพยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน จริงอยู่ที่เมฆารู้ความจริงแล้วว่าข้อมูลของเธอนั้นเป็นเท็จ แต่ก็ไม่คิดว่าการที่ทั้งสองมีอะไรกันจะเป็นความจริง เธอคิดว่ามันแค่ความฝันแต่ก็ยังไม่อยากเชื่อ เจ้าตัวรู้สึกเวียนหัวทันที ไม่คิดว่าเธอจะทำมันลงไปได้ เมฆาที่รู้ได้ถึงการขยับตัวของอีกฝ่ายจึงตื่นขึ้นมา หลังเรือนผมสีม่วงกลับมีใบหน้าที่ไม่พอใจเล็กน้อย
“เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
แค่ฟังจากน้ำเสียงก็เดาได้แล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆ ถึงได้อารมณ์บูดแต่เช้าขนาดนี้ เมฆาถอนหายใจออกมาเมื่อเดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ได้เลย
“ไม่ชอบที่ผมทำเมื่อคืนหรอ”
“..ไม่เชิงเท่าไหร่”
“แล้วเป็นอะไร”
“ฉันแค่รู้สึกไม่ดี ที่มามีอะไรกับคุณ ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองคุณอย่างเสียๆ หายๆ”
“นั้นควรจะเป็นคำพูดผมมากกว่า แต่ว่าชั่งเถอะ ผมตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วง”
เมฆาลุกตัวเองขึ้นมาจากเตียงก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอน ทิ้งให้อีกฝ่ายยังคงหมกมุ่นกับความคิดของเธอต่อไป สายหมอกรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อคนที่เดินออกไปดูไม่เป็นทุกข์ใดๆเลย ทำให้เธองุนงงว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า
แต่เธอก็ต้องหน้ามืดอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ความคิดของการตั้งครรภ์ก็พุ่งเข้ามาในหัวทันทีที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ การที่ท้องก่อนแต่งมันเป็นอะไรที่หลายๆคนไม่ชอบกันอยู่แล้ว โคลมเริ่มกำหัวตัวเองในความวิตกกังวลอย่างมาก เธอรีบลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับดึงผ้าห่มปิดบังร่างเปลือยเปล่าต่อก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆห้อง หวังว่าจะได้เห็นซองถุงยางที่ใช้แล้วแต่ก็ไม่พบ
ก่อนที่สายหมอกจะได้จะได้จมดิ่งกับความกังวลต่อไปก็ต้องกระพริบตาปริบๆเมื่อได้มีแสงเข้ามากระทบกับตาของเธอ ร่างบางมองออกไปตรงหน้าต่างแต่ก็ไม่พบว่าจะมีอะไรมาสะท้อนกับแสงได้เลย พอขยับนิดนึงแสงนั้นก็ขยับตาม จึงทำให้เกิดความสงสัย นัยน์ตากลมโตมองลงไปยังมือตัวเองก็ต้องช็อคทันที บนมือข้างซ้ายมีแหวนเพชรอยู่ตรงนิ้วนาง เธอรีบชูมือขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับมองมันดีๆว่ามันไม่ใช่ภาพมายา
มันคือของจริง
แหวนเพชรเปล่งประกายออกมาสื่อให้รู้ว่ามันเป็นแหวนเพชรที่สวยงามและเข้ากับเธอเป็นอย่างมาก และก็เดาได้อีกว่าชายผู้นั้นจะต้องเป็นสวมให้ตอนที่ตนหลับอยู่ รู้สึกแปลกที่เธอกลับชอบมัน แก้มเริ่มกลับมาแดงอีกครั้งเพราะเธอไม่เคยรู้เลยว่าการแต่งงานมันเป็นยังไง แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าการที่เธอนั้นได้เป็นเจ้าของของใครคนนึงมันรู้สึกเหมือนดอกไม้ได้ผลิบาน ใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนขวบคุณสีหน้ากับอาการไม่อยู่
แบบนี้มันขี้โกงนิ...