
KIMETSU
NO YAIBA
Chapter 4
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการฝึกฝนเหล่านักล่าให้เก่งขึ้น หลังจากเหตุการณ์ตอนครอบครัวแมงมุมที่มีนักล่าอสูรได้ตายไปหลายรายทั้งๆที่ก็อยู่แถวระดับหน้าแท้ๆ ทำให้เสาหนักต้องกลับมานั่งประชุมเกี่ยวกับการฝึกซ้อมครั้งใหญ่ ทุกคนต่างตกลงกับข้อเสนอดังกล่าวจึงต่างคนต่างไปเตรียมอุปกรณ์และสถานที่ต่างๆ การแบ่งกลุ่มของเหล่านักล่าจะไล่ไปตั้งแต่คนที่มีฝีมือจนไปถึงนักล่าฝึกหัด แน่นอนพวกทันจิโร่เองก็ต้องเข้าการฝึกครั้งนี้ด้วย วันแรกก็เริ่มด้วยเสาหลักอย่าง เสาหลักหมอกที่มี โทคิโตะ มุอิจิโร่ , เสาหลักที่อายุน้อยที่สุด, และ เสาหลักงูอย่าง อิกุโระ โอบาไน, ที่คอยดูแลเรื่องพละกำลังและท่าวางดาบที่ถูกต้องตั้งเป็นด่านแรก คนที่ผ่านก็จะต้องไปด่านต่อๆไปที่ได้เตรียมไว้ เว้นแต่คนเดียว....
(คงไม่ต้องบอกก็รู้เนอะ)
“นี่ๆ คุณทันจิโร่”
น้ำเสียงใสๆของชิโนบุทำให้ทันจิโร่ที่กำลังจะไปด่านถัดไปก็ต้องหยุดและหันไปตามเสียงที่เรียก
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณชิโนบุ?”
“ฉันมีเรื่องอยากจะวานหน่อยนะ พอดีตอนนี้ฉันยุ่งมากๆเลย~”
“ว่าแต่เรื่องอะไรหรอครับ?”
“คืออย่างนี้นะ ตอนนี้พวกเราเสาหลักทุกคนกำลังฝึกคนอื่นๆอยู่”
“ครับ”
“แล้วมันมีอยู่คนนึงที่ไม่ยอมมานะสิ”
ทันทีที่ทันจิโร่ได้ยินก็พยายามนั่งนึกเสาหลักทั้งหมดเพราะตนเองก็ไม่ได้ทันสังเกตว่าวันนี้มีใครมาบ้าง
“เออ...ทิศเหนือก็มี คุณคันโรจิกับคุณอุซุย ทิศตะวันตกก็มี คุณฮิเมจิมะ ที่ฐานก็มีคุณ ชิโนบุ ตะวันออกก็มี คุณโทคิโตะ กับ คุณอิกุโระ ส่วนทิศใต้......”
“ใช้แล้วละ ตอนนี้ทางทิศใต้ยังไม่มีใครเฝ้าเลย แล้วตรงนั้นมันเป็นแหล่งน้ำด้วยนะสิ~”
“อ้อ!! คุณกิยูสินะครับ!”
คนผมแดงทำหน้าดีใจออกมาเมื่อในที่สุดก็ได้รู้ว่าใครคือคนสุดท้าย
“ถ้างั้นฉันฝากด้วยนะ คุณทันจิโร่ ช่วยไปลากคุณโทมิโอกะให้ที เดี๋ยวเรื่องของนายฉันเอาไปบอกเสาหลักคนอื่นเอง”
ไม่รอช้าคนที่มีกิ๊ปลายผีเสื้อก็กระโดดออกไปแล้วหายไปในพริบตา มันทำให้ทันจิโร่ยังคงอึ้งเล็กน้อยกับความเร็วของเสาหลักที่ยังไงก็คงเทียบไม่ติดก่อนจะไปบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ไกลจากสำนักเป็นอย่างมาก
“คุณกิยูครับบ!!”
ชายหนุ่มที่เดินทางมาถึงก็ตะโกนที่หน้าประตูบานใหญ่ยักษ์ทันที
“คุณกิยูครับบ!! ผมขอเข้าไปนะครับ— ขอบคุณครับ!”
ทันจิโร่รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็คงไม่มีเสียงการตอบรับจึงถือว่าได้ขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว เขาเดินตามระเบียงพลางมองห้องแต่ละห้องที่เดินผ่าน ก่อนจะคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าทั้งๆที่อยู่คนเดียวแท้แต่กลับมีห้องตั้งหลายสิบห้อง
“คุณกิยูครับ!! โถ่ ถ้าได้ยินก็ช่วยขานกลับหน่อยสิครับ”
คนผมแดงที่เดินมาถึงห้องหนังสือและได้กลิ่นของคนที่กำลังตามหาจึงไม่ลังเลที่จะเดินพร้อมความมั่นใจว่าจะต้องอยู่ในนี้ อีกคนที่ได้ยินเสียงเลื่อนประตูไม้ก็ถึงกับต้องหันไปมองพร้อมกับสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ถึงจะคิดไว้ว่าจะต้องมาโดนตามก็เถอะ...
“นี่คุณกิยู คุณชิโนบุให้ผมมาตามคุณไปเป็นคุมทิศใต้น่ะครับ”
“ฉันไม่ไป”
“ถึงจะบอกอย่างงั้นก็เถอะ แต่ผมขอฟังเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ?”
ทันจิโร่เดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งอยู่ข้างหลังของคนที่ไม่ยอมหันหน้ามาคุยดีๆ กิยูจึงวางหนังสือที่อ่านอยู่ในมือไว้บนโต๊ะก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เรียบเฉย
“ฉันไม่เหมาะที่จะเป็นเสาหลักคอยสอนคนอื่น ขนาดตอนขัดเลือกรอบสุดท้ายฉันยังฆ่าอสูรไม่ได้สักตัว แล้วจะมาเอาอะไรกับฉันที่สอบไม่ผ่านละ”
“สอบไม่ผ่าน...? ที่ป่าคัดเลือกนักล่าหรอครับ?”
“นอกจากซาบิโตะ ทุกคนในรุ่นนั้นก็ผ่านกันหมด คนอื่นต่างก็บอกกันว่าซาบิโตะเป็นคนที่เก่งที่สุดแล้ว แต่ก็แพ้ให้กับอสูรตนนึง นั้นคือสิ่งที่ฉันได้ยินมาอีกที”
จู่ๆในใจของผู้ที่รับฟังก็รู้สึกผิดเพราะเหมือนกับว่าเขายังไม่รู้จักคนตรงหน้าดีพอ เขายอมรับว่าเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนข้างหน้าเลย และมันก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ไปถามถึงอดีตที่เขาอาจจะไม่อยากจำก็ได้ แค่เพียงมองดูแผ่นหลังที่ดูเดียวดายก็ทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิมอีก
“ฉันโดนอสูรเข้ามาสู้ตั้งแต่ตอนต้นๆ เลยไม่ค่อยได้สติมาก แต่ซาบิโตะก็เข้ามาช่วย เขาเชื่อมั่นแล้วฝากคนอื่นให้ดูแลฉันก่อนจะไปช่วยคนอื่นตามเสียงที่ได้ยิน พอฉันตื่นมาอีกหลังวันที่ 7 เขาก็ไม่อยู่แล้ว...”
“ฉันนะ ไม่เหมาะกับการเป็นเสาน้ำ ไม่คู่ควรที่จะยืนกับคนอื่นๆได้ ถ้าตอนนั้นคนที่ตายเป็นฉัน ตอนนี้ซาบิโตะคงเป็นเสาหลักน้ำได้ดีกว่าฉันแน่”
ทำไม...ทำไมถึงต้องว่าถ้าตายไปคงจะดีกว่า....
ตั้งแต่ที่นั่งฟังมามันคงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องน้ำตาแตก
มันเป็นอดีตที่เจ็บปวดก็จริง แต่การที่มีคนยอมสละชีวิตเพื่อเรา แสดงว่าเขาไว้ใจเราไม่ใช่หรอ?
ไม่รู้เพราะอะไร การที่คนตรงหน้าพูดว่า’ถ้าเขาตายคงจะดีกว่า’ มันทำให้ทันจิโร่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดด้วย เป็นความรู้สึกหงุดหงิดที่ไร้เหตุผลสิ้นดี
“อย่าพูดว่า ‘ถ้าตายไปจะดีกว่า’ สิครับ! ที่คุณซาบิโตะเชื่อใจในตัวคุณกิยูก็เพราะเขาไม่อยากให้คุณพูดอย่างนี้ไม่ใช่หรอครับ!?”
กิยูที่ได้ยินน้ำเสียงที่ดูออกเหวี่ยงๆก็ต้องหันไปมองแต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อก็ต้องช็อคเมื่อเห็นน้ำใสๆไหลลงมาไม่หยุด
“ดะ เดี๋ยวก่อนทันจิโร่—“
“ที่เขายอมตายก็เพราะรู้ว่าคุณกิยูจะเป็นคนสานฝันของเขาต่อไงครับ!! แต่ถึงอย่างงั้นคุณก็ยังคงพูดแต่ว่าคุณมันไร้ค่า เป็นใครๆก็ต้องหงุดหงิดอยู่แล้วครับ”
ทันจิโร่พยายามที่จะปาดน้ำตาที่ยังคงไหลออกมา เขาไม่คิดที่จะมองหน้าคนตรงหน้าด้วยซ้ำเพราะมันน่าอายมากที่คนหัวเสียกลับเป็นตัวเขาเอง
กิยูที่ได้ยินประโยคที่คล้ายจะดุของทันจิโร่ก็ต้องทำให้นึกย้อนไปตอนที่โดนซาบิโตะดุเขาเหมือนกัน มันทำให้เขารู้ว่าเขาได้ลืมสิ่งสำคัญไปและเอาแต่คิดว่าเป็นความผิดตัวเอง มันคงจะเป็นบทเรียนของกิยูเลยก็ว่าได้ เขาจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยังคงเช็ดน้ำตาตัวเองไม่หยุด ก่อนจะเป็นฝ่ายเช็ดเอง
“ขอโทษ อย่าร้องนะ”
ทันจิโร่ยังคงก้มหน้าลงไม่ยอมสบตา จนทำให้คนที่พยายามอยู่ต้องช้อนใบหน้าที่ยังเต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นตาสบตาตัวเอง สิ่งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกของคนผมแดงที่ได้เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของอีกฝ่าย คุณกิยูนี่มีแต่เรื่องให้ต้องตกใจอยู่เสมอเลย....
“ห้าม..ห้ามบอกว่าควรตายดีกว่า..อีกนะ”
“ฉันสัญญา”
สีหน้าของคนผมแดงที่พยายามจะหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลต่อก็ต้องทำให้อีกฝ่ายถึงกับยิ้มมุมปากนิดๆก่อนจะเข้าไปจูบบนหน้าผาก ความรู้สึกผิดและอ่อนโยนถูกส่งมาพร้อมกับรอยจูบที่รับทำให้ทันจิโร่รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย มือหนาเข้าไปปาดน้ำตาก่อนจะเชิดหน้าอีกฝ่ายขึ้นแล้วประทับรอยจูบลงไปบนริมฝีปาก เขาพยายามที่จะไม่ทำอะไรมาก แค่เม้มริมฝีปากของคนตรงหน้าเบาๆและทำให้อ่อนโยนที่สุด สุดท้าย ทันจิโร่ก็ต้องมาแพ้กับกับความง้อ น้ำตาเคยไหลก็ได้จางหายตามกาลเวลา กิยูถอนใบหน้าออกมาก่อนจะเอาหัวเข้าไปซุกคอแสดงถึงความยอมแพ้ที่โดนอีกฝ่ายตื้อถึงที่สุด แม้น้ำตาจะหายไปแต่ขอบตาที่แดงก่ำยังคงปรากฏให้เห็นได้ชัด พอกิยูที่เห็นอย่างก็ทักขึ้นถาม
“ไม่เป็นหรอกครับ เดี๋ยวสักพักมันก็หายแล้ว”
ทันจิโร่ที่เริ่มกลับมาเป็นปกติก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วงมาก ไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเท้าออกไป ชายเสื้อของเขาก็ได้ถูกดึงเอาไว้ทำให้คนผมแดงต้องหันมามองด้วยความงุนงง
“อะ อะไรหรอครับ”
“ไปนอนกันเถอะ”
“ครับ?”
ไม่ทันที่ทันจิโร่จะได้ถามต่อกับคำถามที่ไม่รู้ว่ามาได้ยังไงก็ต้องถูกอีกคนจูงมือเดินออกจากห้องที่อยู่ก่อนจะพาไปยังห้องนอน พอมารู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่ในฟูกที่มีคนผมดำนั่งอยู่ข้างๆ
“เออ..คุณกิยูครับ”
“นายนอนไปสะ”
“แต่มันยังกลางวันอยู่เลยนะครับ”
“.......”
“กะ ก็ได้ครับ”
ถึงจะรู้ก็เถอะว่าไม่อยากให้ไปพร้อมกับตาที่บวม แต่ถ้าไม่ไปเดี๋ยวจะโดนหาว่าอู้เวลาฝึกอีก
นั้นเป็นสิ่งเดียวที่ทันจิโร่คิดไว้ในหัว เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาดีหรือเปล่าเพราะสายตาที่ดูมุ่งมั่นบังคับให้นอนของกิยูทำให้ไม่กล้าขัดขืนเลย
“ส่วนเรื่องของยายนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
...คงจะหมายถึงคุณชิโนบุแน่ๆเลย...
“ข..เข้าใจแล้วครับ”
ทันจิโร่พูดออกมาอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพยายามหลับตาลงไป ส่วนอีกคนก็นั่งเฝ้าเพื่อให้แน่ใจว่าเขาหลับไปจริงๆ พอรู้สึกได้ก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตูห้อง
———
“อ้าว คุณ โทมิโอกะ!! ออกมาจากถ้ำแล้วหรอคะ? แล้วคุณทันจิโร่ละคะ?”
ชิโนบุที่กำลังจะเดินกลับเข้าสำนักก็บังเอิญเจอกับชายที่ไม่ยอมโผล่หน้ามาช่วยการฝึก ซึ่งแน่นอนแค่เสียงของชิโนบุก็ต้องทำให้กิยูรู้สึกเอียนพอแล้ว ยังจะต้องมาโดนแซะอีก
“ฉันวานให้เขาไปทำธุระ”
“งั้นหรอคะ แต่ดีจังเลยนะคะที่คุณทันจิโร่ทำให้คุณออกมาจากถ้ำได้ ตอนแรกฉันก็วานคนอื่นๆแล้ว แต่ทุกคนก็ปฏิเสธกันหมดเลย แย่จังนะคะ~”
กิยูที่ไม่อยากทนฟังต่อเพราะไม่มีคบด้วยเลยเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ก่อนที่เขาจะได้ไปต่อ ประโยคสุดท้ายที่ชิโนบุได้ทิ้งไว้ก็ทำให้ยิ่งรู้สหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีก
“อย่าอู้งานแล้วกันนะคะ!! ถึงตอนนี้จะยังไม่มีใครไปทิศใต้ก็เถอะ~”
...แล้วจะให้ฉันออกมาทำไมกัน !?....