
KIMETSU
NO YAIBA
Chapter 1
“คุณกิยู!”
เมื่อหนุ่มเรือนผมสีแดงที่มีรอยแผลที่หน้าผากได้ก้าวเท้าออกมาข้างนอกก็ได้เห็นใครบางคนยืนรออยู่ที่หน้าประตูจึงวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มราวยี่สิบต้นๆที่ยืนอยู่หน้าที่พักฟื้นขององค์กรนักล่าอสูร
“ได้ข่าวว่ากำลังไปทำภารกิจหรอ”
“ครับ! ว่าแต่คุณกิยูมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
น้ำเสียงที่เรียบกับสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของกิยูทำให้ทันจิโร่ไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะเริ่มชินแต่ยังไงก็ยังคงเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
“แล้วจะกลับวันไหน”
“เอออ... คงจะประมาณ 4-5 วันมั้งครับ”
ทันจิโร่ยังคงไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร หรือว่าเขาอยากได้ของฝากกัน? ก่อนที่จะได้ถามให้แน่ชัดจู่ๆเขาก็โดนตัดบทไปและพอรู้ตัวอีกที มือของคนที่ตัวสูงกว่าเข้ามาประคองใบหน้าหวานก่อนจะประทับริมฝีปากที่แก้มนุ่มๆ
“งั้นก็เดินทางดีๆละ”
กิยูยิ้มอ่อนให้ชายที่อยู่ตรงหน้าเพียงคนเดียวก่อนจะหายไปในพริบตาไม่ให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร คนผมแดงยังคงหน้าแดงไม่หายเมื่อจู่ๆก็โดนจู่โจมเข้าไปไม่ให้ตั้งตัวเลย
“ทันจิโรรรรรรร่—!!!! เราาาไปกานนนเถอะะ ฉันร้อนจะตายอยู่แล๊วววว”
เซ็นนิตสึลากเสียงยาวเหมือนทุกทีเวลางอแงก่อนที่จะบ่นอุบอิบเมื่ออิโนะสึเกะพยายามพลั่กคนผมสีเหลืองให้เดินไปข้างหน้า
“เงียบๆไปเลย!! ต่อให้นายตะโกนโวยวายยังไง ฉันก็ไม่ให้นายหนีหรอก ไองั่ง!!!”
เพราะเสียงที่แสบแก้วหูของเซ็นนิตสึทำให้ทันจิโร่สามารถเรียกสติกลับมาได้หลังจากที่ยังอึ้งกับรอยยิ้มที่ตนเห็นก่อนจะหันไปขานกลับ
“ทันจิโร่....? ทำไมนายหน้าแดงจัง หรือว่าาานายยืนตากแดดนานไป!!!!! ไม่เอาแล้ววว ไม่ไปแล้ววว ช่วยด้วยย!!!”
คนที่งอแงอยู่กลับเริ่มทำตัวหน้ารำคาญมากขึ้นจนทำให้คนที่พลั่กหลังถึงกับต้องปี๊ดแตกออก
“หนวกหูเว้ยยย!!!”
ชายที่ใส่หน้ากากหมูป่าตะโกนขึ้นก่อนจะมีไอลมพ่นออกมาจากรูจมูกแสดงถึงความหมดอดทน ไม่ทันที่เขาจะได้ลงไม้ลงมือทันจิโร่ก็ต้องรีบเข้ามาห้ามก่อนที่จากการล่าอสูรจะกลายเป็นฆ่ากันเองทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มไปไหนเลย
“แต่ว่า แต่ว่าทันจิโร่หน้าแดงมากเลยนะเมื่อกี้น่ะ ไม่เป็นไรหรอ?”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก”
ทันจิโร่พยายามกลบเกลื่อนสีหน้าของตัวเองก่อนที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และในที่สุด! พวกเราก็ได้เริ่มเดินทางกันสักที!!
ระหว่างทางที่กำลังไป ทันจิโร่ยังคงอดคิดภาพที่ติดมาในหัวไม่ได้เลย นี่คงเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รู้สึกถึงความห่วงใย อาจจะเป็นเพราะยังไม่คุ้นการที่มีคนมาใส่ใจในตัวเขามากขนาดนี้
นี่น่ะหรอ....ความรู้สึกของคนเป็นแฟนกัน....?
เมื่อ4เดือนก่อน
“คุณกิยูครับ คือผมอยากรู้มานานแล้วครับ...”
ทันจิโร่ที่กำลังเดินตามหลังของชายผู้เย็นชาก็พูดขึ้นหลังจากที่มาเอาเอกสารจากคนตรงหน้าที่คฤหาสน์สไตล์ญี่ปุ่นที่กว้างใหญ่และมีหลายห้องทั้งๆที่อยู่คนเดียว
“อะไร”
“คือ...ตอนที่สังหารครอบครัวแมงมุมได้ ตอนนั้นผมกับเนสึโกะบาดเจ็บมาก....ทั้งๆที่ใครๆต่างก็เกลียดการที่นักดาบร่วมมือกับอสูรแล้ว คุณยังเลือกที่จะปกป้องพวกเราจากคุณชิโนบุอีก แล้วก็ตอนนั้นที่คุณยอมที่จะทำเซ็ปปุกุถ้าหากว่าเนสึโกะเกิดกินมนุษย์ขึ้นมา....ผมไม่เข้าใจ..ทำไมคุณถึงต้องปกป้องพวกเราขนาดนั้นด้วยครับ..”
หลังจากพูดจบ ทันจิโร่ก็ได้แต่ก้มมองลงกับพื้นไม้เพราะเขาเริ่มที่จะสับสนขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่มีใครเชื่อ กลับมีแต่เขาคนเดียวที่ลุกขึ้นมาปกป้อง เขาพยายามไม่คิดมากเพราะคิดว่ามันอาจจะดูน่าสมเพชก็ได้ ร้องขอชีวิตในสิ่งที่กำลังทำผิด หรือเขาอาจจะรู้สึกสงสารขึ้นมาก็เป็นได้...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็คงรู้สึกแย่กว่าเดิม
“ถ้านาย”
“เอ๋..?”
“ถ้านายต้องมาเห็นน้องนายตายไป นายจะรู้สึกยังไง”
“เรื่องแบบนั้น...ผมคงจะรู้สึกผิดมากๆที่ไม่สามารถช่วยเนสึโกะได้ ผมไม่อยากเสียเนสึโกะอีก คงจะ—“
ไม่ทันที่คนผมแดงจะพูดจบ ใบหน้าหดหู่ที่มองพื้นก็ต้องถูกเชิดขึ้นด้วยมือของคนตรงหน้า เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าจากที่มองเห็นแต่แผ่นหลังตอนนี้กลับได้เห็นใบหน้าคมของอีกฝ่ายอย่างจังๆ เพราะไม่เคยมีใครจับคางแล้วเชิดหน้าขึ้นทำให้ทันจิโร่รู้สึกใจเต้นรัวขึ้นมาทันที
“ม มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงไม่อยากเห็นนายทำหน้าอย่างนั้นหรือรู้สึกอย่างนั้น ฉันก็แค่ทำเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้น”
...ไม่ได้ทำเพื่อพวกเรา...แต่แค่ผมหรอ....?
คำพูดที่สวยหรูกกลับไม่เข้ากับใบหน้าที่ไร้สีเลย ให้ตายเหอะ บรรยากาศเกือบจะดีแล้วเชียว ถ้าหากว่ายิ้มสักนิดนี่กินใจผมไปเลยนะ จะบอกให้....
กิยูปล่อยมือออกจากใบหน้าหวานก่อนจะเดินนำหน้าไป ซึ่งในประโยคเมื่อกี้มีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งทันจิโร่เองก็รับรู้ได้
“คุณกิยูครับ! เมื่อกี้..เมื่อกี้คุณหมายความว่าไงหรอครับ”
ไม่รอช้า ทันจิโร่ก็รีบวิ่งตามให้ทันคนที่เดินนำหน้าไปไกล อีกฝ่ายจึงหยุดเดินแล้วหันไปมอง
“ต้องให้ฉันพูดหรอ”
“ครับ?”
กิยูถอนหายใจออกมาเหมือนกับว่าคนตรงหน้าไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เขาทำใจมองออกไปข้างนอกก่อนที่จะหันกลับไปบอก
“ฉันชอบ—“
“ว่าแต่วันนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะครับ”
...กึก...
ในช่วงที่คนร่างสูงหันไปทำใจ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายที่เงอะงะดันมองออกไปข้างนอกด้วยทำให้พึ่งสังเกตเห็นดวงจันทร์ที่ใหญ่และยังเป็นดวงจันทร์เต็มดวงอีก
“แต่ว่าเมื่อกี้คุณกิยู....เดี๋ยวสิครับ!!!!”
ไม่ทันที่จะได้พูดจบคนที่เคยยืนอยู่ตรงหน้าก็ดันอยู่ไกลกว่าเมื่อกี้อีก ทำให้ทันจิโร่เดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ถูกเลย
“คุณกิยู.. ผมบอกให้รอก่อนไงง!!”
ทันจิโร่ที่ไล่ตามทันก็รีบคว้าจับเสื้อของอีกฝ่ายไม่ให้เดินต่อจนกว่าเขาจะได้ยินอีกฝ่ายพูดเหมือนเมื่อกี้
“อะไร”
“ผม..แฮ่ก.... ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะ ขอโทษครับ... เมื่อกี้คุณกิยูพูดว่าอะไรนะครับ”
ใครจะไปรู้ว่าคนที่มีแต่สีหน้าเดิมจะเดินได้เร็วขนาดนี้ แถมในช่วงเวลาพริบตาเดียวก็เกือบจะไปอยู่อีกฝั่งของระเบียงซะแล้ว
“เมื่อกี้..?”
“ครับ!”
“ฉันชอบนาย”
เอ๋...?
การที่โดนสารภาพอย่างนี้ใจมันควรจะเต้นแรงสิ แต่ทำไม...
“แต่สีหน้าคุณมันไม่ได้บอกอย่างนี้นิ”
ทันจิโร่ทำหน้างุนงงว่าจริงๆแล้วเขาบอกรักจริงหรือว่ากำลังโดนแกล้งแหย่เล่นอีก? ซึ่งมันก็ทำให้คนที่พึ่งสารภาพรักไปเริ่มหงุดหงิดกับตัวเองที่ไม่สามารถทำให้คนตรงหน้าเชื่อคำพูดที่ออกจะดูจริงใจได้(หรอ?)
“..ให้ตายสิ..”
กิยูพูดออกมาเบาๆให้กับตัวเองแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินด้วย ไม่ทันที่ทันจิโร่จะได้ถามเกี่ยวกับคำพูดที่ยิน ปากของเขาก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายจนทำตัวไม่ถูก แววตาของเขาไม่กระพริบเพราะเขากำลังหลงไหล่กับเปลือกตาที่ปิดสนิทของอีกฝ่ายก่อนที่จะได้สังเกตถึงขนตาที่ยาวสวย ก่อนที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศไปมากกว่านี้ กิยูจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออก
“พอใจหรือยัง?”
ทันทีที่โดนทัก คนที่พึ่งโดนจูบไปก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนทำตัวไม่ถูกเลย สีหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ! ครับ! ขอบคุณมากๆครับ!!(?) มะ ไม่สิ....จู่ๆก็...ผม..ผม คะ คุณกิยูครับ!!”
ทันจิโร่ที่หน้ายังไม่หายแดงก็ต้องตกใจเมื่ออีกคนกลับไม่สนใจและเดินออกไปอีกครั้ง นี่คงจะเป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาต้องวิ่งตามอีกฝ่ายไปให้ทันแล้วเข้าไปดึงเสื้อคลุมอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิ!!...ผม.. ผมยังไม่ได้ให้คำตอบเลย...”
พอตัวเองเป็นคนเริ่มก็ไปต่อไม่เป็นซะเองแต่ก็ยังคงเอาหน้าซุกในหน้าคลุมที่ใหญ่กว่าไม่ให้เห็นสีหน้าที่แดงเถือกถึงหู กิยูที่ได้ยินดังนั้นจึงเห็นมาแล้วจับข้อมือที่เล็กกว่าเอาไว้ทำให้คนที่เกาะต้องปล่อย
“หลับตาสิ”
กิยูพูดออกไปก่อนจะเอาใบหน้าค่อยๆเข้าไปซึ่งทันจิโร่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี ตาของทั้งคู่ถูกปิดลงเมื่อริมฝีปากได้มาประทับกันอีกครั้ง คราวนี้กิยูไม่ยอมถอยก็เริ่มที่จะขยับปากไปมาและใช้โอกาสสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย
ด้วยที่ว่าทันจิโร่ยังไม่ทันตั้งตัว พอโดนลิ้นของอีกฝ่ายเข้ามาแตะเบาๆก็ทำให้ครางในลำคอออกมาก่อนที่เหงื่อจะเริ่มไหล่ออกมาช้าๆ เสียงของลิ้นและปากเสียดสีกันดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความรู้สึกมันเริ่มแปรปรวน คนหน้าหวานที่เริ่มไม่ไหวพยายามที่จะทิ้งตัวออกมาแต่ก็ไม่พ้นเมื่ออีกฝ่ายดันรู้ทันเลยใช้มือเข้ามาดันต้นคอไม่ให้หนี ไม่ทันไร มืออีกข้างก็เริ่มที่จะปลดกระดุมคอเสื้อให้กว้างขึ้นแล้วเข้าไปซุกไซร้คอเนียนๆแล้วเริ่มใช้ลิ้นเข้าไปแตะต้องเรียกอารมณ์อีกฝ่ายก่อนจะเริ่มใช้ฟันอันแหลมคมเข้าไปเติมรอยแสดงถึงความเป็นเจ้าของ และแน่นอนการกระทำเล่านั้นก็ทำให้ผมสีแดงต้องร้องครางออกมาไม่หยุด
“อ๊าา..อื้ออ.. คะ คุณกิยู...ผมไม่ไหวแล้ว..”
“อ๊ะ..ไม่เอาตรงนั้น... ผม...ไม่ไหวจริงๆแล้วนะครับ”
ต่อให้พูดให้ขอร้องยังไงก็คงไม่มีวันหยุด ทันจิโร่จึงต้องรีบดันตัวอีกฝ่ายที่พยายามจะไซร้ต่อให้หลุดออกจากตัวเองก่อนจะเรียกสติตัวเองให้กลับมา
“พอก่อนเถอะครับ...แฮก...คุณกิยู...ไว้วันหลังนะครับ...ผมต้องรีบกลับแล้ว ทุกคนกำลังรอผมอยู่”
ทันจิโร่ที่พยายามอ้อนวอนอีกฝ่ายและใช้เหตุผลมาเป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายหยุด ไม่ทันไรกิยูก็ตอบไปว่า “งั้นกลับกันเถอะ” ก่อนจะเป็นคนเดินนำหน้าไป ทันจิโร่จึงโล่งใจขึ้นมาเพราะถ้าไม่หยุดแค่ตรงนี้มีหวังคงจะไม่ได้หยุดทั้งคืนแน่ๆ จึงรีบเดินตามอีกคนให้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ทัน.....